วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554

บทความพิเศษเรื่องงานอาชีพ กรณีศึกษา MLM โดย อ. เจมส์

ขอมอบความรู้เป็นวิทยาทานสำหรับคนไทยที่ยังไม่มีงานทำ หรือกำลังหางาน (find jobs) หรือที่กำลังทำงานประจำอยู่แล้วต้องการมีงานที่สองเป็นอะไหล่สำรอง (เมื่องานสำรองแซงงานประจำ งานสำรองคือพระเอกนั่นเอง) มีงานสำรองเปรียบเหมือนรถมียางอะไหล่ ยืนสองขาหลายขาย่อมดีกว่าขาเดียวเสมอ ขาใดขาหนึ่งหักยังมีขาอื่นให้ก้าวเดินต่อไปได้ หรือท่านที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่ ช่วยถามตัวเองตรวจเช็คดูว่าธุรกิจที่ท่านทำอยู่ในขณะนี้สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้หรือเปล่า มีงานหลายอย่างที่คนไทยสามารถเลือกได้ด้วยวิจารณญาณของตนเอง (ด้วยสมองของตนเอง ไม่ใช่ให้ใครมาจูงจมูก) แต่ก่อนที่จะเลือกงานใดนั้นต้องศึกษารูปแบบงานอาชีพกันก่อนจากบล็อก www. jobthai-findjob.blogspot.com เชิญเลยครับ

คนรวยเค้ารวยได้เพราะเลือกงานถูกประเภท
น้อยคนนักที่จะทราบและเข้าใจถึงกลุ่มประเภทของงานอาชีพที่มีอยู่ในโลกใบนี้อย่างลึกซึ้ง (เพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ฉลาดเลือก) บางคนทำงานที่ตนชอบ แต่บางคนชอบงานสบาย บางคนชอบงานที่ให้ผลตอบแทนสูง หรือมีความมั่นคง โดยขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนนั้นวางเป้าหมายในชีวิตของตนไว้อย่างไร ซึ่งส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกงานโดยตามกระแส หรือตามความชอบของตัวเอง แต่หากว่าท่านเหล่านั้นได้ศึกษาถึงรูปแบบของงานอาชีพแล้ว อาจจะทราบในทันทีเลยว่างานที่ตนเองกำลังอยู่ หรืออาชีพของตนเองนั้นไม่สามารถทำให้บรรลุซึ่งวัตุประสงค์หรือเป้าหมายที่ตนเองได้วางเอาไว้ ซึ่งทุกๆ คนล้วนมีเป้าหมายคาดหวังจากงานอาชีพที่ตนเองเลือกคือ นำมาซึ่งความมั่งคั่ง ฐานะความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถทำให้บรรลุความต้องการการดั่งกล่าวได้ด้วยอาชีพที่ตนเองนั้นทำอยู่ ส่วนคนที่บรรลุวัตถุประสงค์ส่วนใหญ่ที่เรียกกันว่ากลุ่มคนรวยคือกลุ่มที่เลือกงานอาชีพถูกนั่นเอง ซึ่งวิถีทางหรือแนวความคิดของคนรวยนั้นคนทั่วไปมักมองข้ามไม่ค่อยใส่ใจกันมากนัก แต่ถ้าหากว่าได้ศึกษาวิธีคิดของคนรวยจนเข้าใจแล้ว ทุกๆ คนจะหายสงสัยในทันทีว่าทำไมเค้าถึงรวย ก็เพราะวิธีการคิดของเค้านั่นเอง คนรวยเค้าเข้าใจงานอาชีพนั่นเอง งั้นมาศึกษาประเภทของงานอาชีพกันเลยครับ


คนรวยเค้าคิดกันอย่างไร
คนรวยกับคนจนแตกต่างกันตรงนี้นี่เอง


วิธีใช้เงินของ....คนจน และคนรวย (ใครเอ่ย...คงคุ้นๆ กันนะครับ)


งานมีกี่ประเภท

เงินสี่ด้าน-งานสี่ประเภท (จากหนังสือยอดขายอันดับโลกของ Rebert T.Kiyosaki)



วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของงานทั้ง 4 ประเภทโดยละเอียด

สิ่งที่เป็นจริงของชีวิตทำงาน
เพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตนเองแทนที่จะปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ
คนเราถูกอบรมบ่มนิสัยให้อุทิศตนให้กับการทำงานหนัก ตราบเท่าที่ยังคงมีเรี่ยวแรงอยู่ ด้วยคำว่า "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน"

ความคาดหวังของคนทำงาน
ส่วนใหญ่มี 3 ประการคือ
1.ความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีฝีไม้ลายมือ มีคุณค่า และมีความหมาย
2.การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีโอกาสในการพัฒนาของตนเอง ทั้งความรู้และความชำนาญ
3.การมีโอกาสได้ควบคุมตนเอง เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการประกอบหน้าที่การงาน
"Everybody is in favor of progress It's the change they don't like"
"ทุกคนต่างชอบความก้าวหน้า แต่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง"

งานแบ่งออกเป็น 4 ประเภท
1.การทำงานโดยใช้แรง ได้แก่ แรงงานไร้ฝีมือ เหนื่อย และเบื่อ ได้ผลตอบแทนต่ำสุด
2.การทำงานโดยใช้สมอง ได้แก่ พนักงานออฟฟิศ แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี
นักกฎหมาย ผู้จัดการระดับต่างๆ เป็นอาชีพที่แพร่หลายในหมู่ผู้จบการศึกษาสูง เป็นงานที่มีเกียรติทำงานในห้องแอร์ เหนื่อยแรงน้อยกว่า เลือกที่จะขายเวลาให้กับนายจ้าง เพื่อแลกกับรายได้ประจำในรูป "เงินเดือน" รวมผลตอบแทนอื่นๆ เช่น ค่าคอมมิชชั่น โบนัส ค่าล่วงเวลา ฯลฯ
3.การทำงานโดยใช้เงิน ได้แก่ผู้ฝากเงินเข้าธนาคาร หวังดอกเบี้ยนำเงินไปลงทุน รายได้ไม่แน่นอน
4.การทำงานโดยใช้ปัญญา ได้แก่ การทำธุรกิจเครือข่าย (Network หรือ Multi-level Marketing: MLM) หากประสบความสำเร็จในการสร้างทีมงาน คุณก็จะเป็นเจ้าของธุรกิจซึ่งสามารถเก็บเงินไปถึงลูกถึงหลาน การสร้างทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Properties) ที่มีสิทธิ์คุ้มครอง เช่น นักประดิษฐ์ นักเขียน นักแต่งเพลง ฯลฯ หากมีผลงานดีเด่นและถูกใจตลาดจริงๆ ก็จะสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาลถึงลูกถึงหลานเช่นกัน

เงินสี่ด้าน
Rebert T.Kiyosaki จากหนังสือเรื่อง เงินสี่ด้าน
หนังสือเรื่อง โรงเรียนสอนธุรกิจ ในชุด พ่อรวยสอนลูก
เงินสี่ด้านมาจาก E, S, B, I
E ย่อมาจาก Employee ลูกจ้าง
S ย่อมาจาก Self-employed หรือ Small business owner กิจการส่วนตัว หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก
B ย่อมาจาก Business owner เจ้าของธุรกิจ
I ย่อมาจาก Investor นักลงทุน

รายได้ท่านมาจากด้านไหน แสดงว่าท่านอยู่ในกลุ่มนั้น

E คือ กลุ่มที่ได้รายได้เป็นเงินเดือน เช่น ราชการ อาจารย์มหาวิทยาลัยของรัฐ อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชน พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานบริษัท เป็นต้นหรือมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายแหล่นั่นเอง
S คือ เจ้าของกิจการขนาดเล็ก เช่น ร้านอาหาร กิจการในครอบครัว อาชีพที่ปรึกษา การทำสวน การทำความสะอาดบ้าน รับงานส่วนตัวทำที่บ้าน รับเขียนเว็บให้บริษัท ร้านตัดผม อู่ซ่อมรถ โรงกลึงเป็นต้น ไม่สามารถปล่อยวางธุรกิจได้ ต้องตื่นมาทำ จะนอนอุตุหาพระแสงอยู่อะไรไม่ได้เลย ต้องใช้แรงทำงาน รายได้เป็นประเภท active income คือต้องออกแรงแอ็คทีฟตัวเองอยู่เสมอถึงจะได้เงิน
B มาจากธุรกิจที่ท่านไม่ต้องลงมือไปทำเอง สามารถปล่อยวางธุรกิจได้เป็นปี เช่น แฟรนไชน์ร้านสะดวกซื้อ ค่ายโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจเครือข่าย MLM ให้เงินทำงานแทนเรา เรานอนนับดาวเท่านั้นเอง
 I การลงทุน ให้เงินทำงานแทนเรา เช่น ดอกเบี้ย หุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์เป็นต้น

ดูกราฟของงานแต่ละประเภท
รายได้ครั้งเดียว (One Time Income) ของกลุ่ม S ประเภทรับจ้างทั่วไป เช่นรับจ้างทำไร่ ทำนา ทำสวน ซ่อมแซมบ้าน บริการจับเอ็นบีบนวด ทาสีเป็นต้น ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ไม่ทำไม่ได้เลย เจ็บป่วย ร่างกายไม่แข็งแรง ก็ไม่มีรายได้


........................................................

กราฟแสดงวัฏจักร (สงสาร) รายได้เชิงเส้น แบบขั้นบันได (Linear Income) ของมนุษเงินเดือนประเภทพนักงานเอกชนและข้าราชการ ของกลุ่มงาน E  เริ่มสตาร์ทเงินเดือนต่ำๆ อยู่ไปนานๆ (ภายใต้กรอบ) ได้เลื่อนตำแหน่ง ขึ้นเงินเดือน แต่เมื่อบั้นปลายชีวิตได้รับเงินมาหนึ่งก้อน แล้วก็ตาย ส่วนลูกเกิดมาก็ต้องเริ่มเรียนหนังสือกันใหม่ เริ่มทำงาน ได้เลื่อนขั้น ตำแหน่ง แล้วก็เกษียณ แล้วก็ตาย พ่อเคยมีตำแหน่งนายพลไม่สามารถส่งต่อตำแหน่งนายพลให้ลูก ลูกต้องเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่ ต้องไปทำงานตามกรอบ ขาด ลา มา สายเกินไม่ได้เลย เงินเดือนอยู่ภายใต้ปลายปากกาคนอื่น  บัตรห้อยคอคือเชือกพันธนาการ

.............................................

กราฟแสดงรายได้แบบถดถอย (Regressive Income) เป็นงานประเภท S อาชีพนักร้อง ดารา นางแบบ ช่วงแรกรายได้สูง เพราะยังหนุ่ม ยังสาว ยังหล่อเฟี้ยว สวยจี๊ด เสียงยังใส ยังคิ๊กขุอาโนเน๊ะ แต่พออายุมากขึ้นหน้าตาก็ร่วงโรยไปไปตามวัย เสียงที่เคยไพเราะเพราะพริ้งก็ไม่เป็นอย่างแต่ก่อน ได้รับความนิยมน้อยลง รายได้ก็ลดลงเรื่อยๆ จนหายไปจากวงการ

........................................................

 
กราฟแสดงรายได้แบบไม่แน่นอนตามสถานการณ์ (Intermittent Income) อยู่ในประเภท S (Self-employed) อาทิเช่น เป็ดร้านขายก๋วยเตี๋ยว อู่ซ่อมรถ โรงกลึง คลินิค รับจ้างทำเว็บให้บริษัท งานรับเหมา งานระบบต่างๆ ที่วิศวกรชอบทำกัน เป็นต้น ต้องใช้เงินทุน เงินกู้ ต้องมีความเชี่ยวชาญพิเศษ ประสบการณ์ มีความเสี่ยง ความเครียด ส่งมรดกต่อให้ลูกหลานไม่ได้

..............................................................................
กราฟแสดงรายได้แบบพหุคุณ (Multiple Income) ของงานประเภท MLM จะเห็นว่ามีเพดานรายได้ไม่จำกัด เมื่อพ่อตายไป ลูกรับมรดกจากพ่อต่อไป โดยไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจ MLM เลย รับมรดกระดับขั้นที่พ่อทิ้งไว้ให้ แต่ถ้าอยากได้เพิ่มมากขึ้นก็สามารถทำต่อจากพ่อได้เลย (บางคนสงสัยว่าแล้วเค้าเอาเงินจากไหนมาให้ อันนี้ต้องไปศึกษาแผนการตลาดของ MLM แล้วจะหายข้องใจ คนที่เข้าใจถึงธุรกิจ Auto running คงไม่สงสัย) คนทั่วไปเข้าใจแต่ระบบธุรกิจดั้งเดิมนั่นคือ โรงงานผลิตสินค้ามา 40% มาถึงมือผู้บริโภค 100% ส่วนที่เหลือ 60% แบ่งกันรายทางแทบไม่เหลือ นับตั้งแต่ผู้ค้าส่ง พ่อค้าคนกลาง ร้านค้าปลีกย่อย แบ่งกันไปคนละนิดละหน่อยแทบไม่เหลือ  แต่ระบบธุรกิจ MLM ไม่มีตัวแทนจำหน่าย ไม่มีผู้ค้าส่ง ส่วนต่าง 60% จึงเป็นของนักธุรกิจหุ้นส่วนโดยตรง) ซึ่งเป็นการกระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคในรูปแบบเครือข่ายสหกรณ์ ยุติธรรม งานประเภท MLM ใช้เงินทุนน้อย เวลาน้อย ไม่มีทำเล (ทำได้ทุกแห่ง) ไม่มีลูกน้อง ไม่เครียด ไม่มีความเสี่ยง แข่งขันกับตัวเอง สามารถกำหนดรายได้ด้วยตนเอง ทุกอย่างบริษัท MLM เตรียมไว้ให้ หุ้นส่วนอย่างเรามีหน้าที่กระจายสินค้าสู่ผู้บริโภคโดยตรง กำไร 60% หุ้นส่วนมาแบ่งกัน

So, which group are you in? แล้วคุณหล่ะอยู่ในกลุ่มไหน!!

คนไทยส่วนใหญ่ 95% ชอบกลุ่มนี้ (E&S)



ดังนั้น.....
ทุกท่านคงอยากจะเปลี่ยนจากอาชีพทางด้านซ้ายคือ E และ S ให้ไปทางด้านขวา คือเป็น B กับ I เพราะ B กับ I มีอิสระทางการเงินและเวลา ยิ่งทำยิ่งว่าง วิธีที่จะเปลี่ยนได้ง่ายที่สุดคือ การเข้าทำธุรกิจเครือข่าย MLM เนื่องจากครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยมาตั้งแต่แรกที่จะไปเล่นหุ้น ไปทำแฟรนไชน์

งานฝั่ง E และ S ไม่มีวันเจริญ ต้องตรากตรำอยู่ดักดาน รุ่นแล้วรุ่นเล่า หลายชั่วโคตรเพราะ
1.ทำงานให้ผู้อื่น
2.มีขอบเขตจำกัดรายได้
3.งานหยุดชะงัก รายได้ชะงัก
4.ไม่มีผลตอบแทนจากกำไร
5.ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
6.เกษียณตามอายุงาน
7.เดินทางตามหน้าที่
8.หน้าที่การงานมีขอบเขต


ดังนั้นควรย้ายมาฝั่ง B และ I
งานฝั่ง B และ I มีหลายประเภท แต่ที่ดีที่สุดคือธุรกิจเครือข่ายตลาดหลายชั้น MLM เพราะ... 
ทำไมงานฝั่ง B กับ I ถึงแนะนำให้ทำธุรกิจเครือข่ายตลาดหลายชั้น MLM (Multi-Level Marketing) ลองมาเปรียบเทียบกัน

ฝั่ง B ประเภทแฟรนด์ไชน์ยกตัวอย่างเช่นร้านสะดวกซื้อ สมมุติให้ชื่อว่า ร้านเช้า-เย็น เงินลงทุนสูง กิจการยิ่งโตยิ่งแบกรับภาระสูง ยิ่งเครียด ต้องมีลูกน้อง ที่ดิน โรงเรือน ภาวะเศรษฐกิจดีก็ถือว่าโชคดีไป ถ้าเศรษฐกิจย่ำแย่มีหวังเจ๊งมีหนี้สิน ไม่สามารถขยายกิจการต่อด้วยตนเอง (ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน) เจ้าของแฟรนด์ไชน์เท่านั้นที่ทำการขยาย หยุดทำ รายได้ก็หยุด  ยกตัวอย่างเช่นคุณซื้อแฟรนด์ไชด์ร้านสะดวกซื้อให้ชื่อว่าร้านเช้า-เย็น มา 1 แห่ง ต้องใช้เงินค่าแฟรนไชน์ พร้อมเงินมัดจำประกันเกือบ 3 ล้าน  ยังไม่รวมค่าเช่าที่ดิน ค่าเช่นตึก ต้องมีลูกน้อง เสี่ยงต่อการโดนลูกน้องคดโกง เมื่อซื้อมาแล้วก็ต้องซื้อสินค้าคุณภาพต่ำ-ปานกลางมาขายได้กำไรต่อหน่วยไม่กี่บาท สมมุติว่าได้กำไรเดือนละ 4 แสนบาท จู่ๆ วันหนึ่งเจ้าของแฟรนไชด์บอกว่าคุณจะต้องซื้อแฟรนด์ไชน์ร้านเช้า-เย็นมาลงที่ปากซอยข้างๆ ร้อนแรกของคุณเพิ่มอีกแห่งอีกสาขานะ มิงั้นแล้วจะให้คนอื่นซื้อไป เพราะถ้าไม่ขยายอีกสาขา เดี่ยวแฟรนไชน์ยี่ห้ออื่นๆ จะมาลง เพราะซอยคุณเริ่มโตขึ้น ผู้คนมากขึ้น (มีหมู่บ้านเพิ่มขึ้น) ถ้าคุณจะต้องรักษารายได้เดือนละ 4 แสนของร้านแรกเอาไว้คุณจะต้องซื้อมาอีกสาขา แน่นอนคุณซื้อมาอีกสาขารายได้คุณเท่าเดิมคือ 4 แสน แต่ต้องลงทุนเพิ่มขึ้น ต้องรับภาระเพิ่มขึ้นอีกสาขาแต่รายได้เท่าเดิม แต่รับภาระเพิ่มขึ้น กลับกันถ้าคุณไม่ซื้อไว้ คนอื่นก็ซื้อแทน รายได้คุณหดเหลือ 2 แสนในทันที

ฝั่ง I ประเภทหุ้น ดอกเบี้ย พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ต้องใช้เงินลงทุนสูง ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษกิจ และการพยากรณ์ มีความเสี่ยงสูง ยิ่งโตยิ่งเครียด ภาระยิ่งมากขึ้น หยุดทำ รายได้ก็หยุด

ทีนี้มาดูฝั่ง B ของธุรกิจเครือข่ายตลาดหลายชั้น MLM กันบ้าง
คุณทำธุรกิจเครือข่ายตลาดหลายชั้น MLM ใช้เงินลงทุนต่ำ เปรียบเสมือนซื้อแฟรนไชด์ MLM มาไม่กี่ร้อยบาท ซื้อมาแล้วคุณจะทำก็ได้ ไม่ทำก็ได้ มันเรื่องของคุณ ไม่มีใครว่าแถมได้เงินประกันอุบัติเหตุตั้ง 1 แสนบาท คุณไม่ต้องมีลูกน้อง ไม่มีโรงเรือน ทุกๆ อย่างเจ้าของ MLM จัดไว้ให้เสร็จสรรพ ค่าแฟรนไชน์ไม่กี่ร้อย แถมได้เป็นเจ้าของร้านตั้ง 50 กว่าสาขาทั่วประเทศ (จะมีครบทุกจังหวัดเร็วๆ นี้) ร้าน MLM หนึ่งสาขาเค้าลงทุนให้คุณสาขาละสิบกว่าล้าน คุณซื้อแฟรนไชด์มาแค่ไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้เป็นเจ้าของร้านตั้ง 50 กว่าสาขา (อย่างนี้แจ่มมั๊ยครับ) และไม่ต้องแบกรับภาระอะไรเลย ไม่มีความเสี่ยง และไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถ้าหากว่าเป็น MLM ของบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศมหาอำนาจทางการเงินที่มีภาวะการเงินเข้มแข็งและกฏหมายควบคุมเข้มงวด มีสาขาทั่วโลก ประเทศไทยเศรษฐกิจไม่ดี แต่ประเทศอื่นๆ ได้รับผลกระทบน้อยหรือไม่ได้รับผลกระทบเลย บริษัทจึงมั่นคงอมตะนิรันด์กาล เป็นบริษัทที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าทุกอย่างนับตั้งแต่สากกระบือยันเรือรบ เป็นของใช้ปัจจัยพื้นฐานที่ทุกคนทั่วทั้งโลกต้องใช้นับตั้งแต่เริ่มตื่นนอน เช้าจรดเย็นเลยทีเดียว

ธุรกิจเครือข่าย (Network marketing)
1.ค่าสมัครเริ่มต้นต่ำ
2.เน้นการขายสินค้าและบริการเป็นหลัก
3.เน้นสินค้าคุณภาพสูงและการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
4.รับประกันคุณภาพและความพอใจโดยมีนโยบายแลกเปลี่ยนและคืนสินค้า
5.มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการดำเนินธุรกิจและป้องกันการกักตุนสินค้าของสมาชิก
6.ผลตอบแทนรายได้และตำแหน่งขึ้นอยู่กับการทำงานของสมาชิก
7.เป็นระบบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายที่ประเทศมาหอำนาจที่เข้มงวดที่สุดให้การรับรองสนับสนุน

ทำไม MLM จึงเป็นทางเลือกที่ต้องลอง เพราะโอกาสทองของชีวิตการทำงานก็เหมือนๆ กัน นาทีทองของการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีราคาและมีโปรโมชั่นพิเศษฉันใดก็ฉันนั้น ดร.พอล เกตตี้ ได้กล่าวถึงบัญญัติ 5 ประการสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจไว้ ดังนี้ คือ
1.ทำธุรกิจของตนเอง
2.ขายผลิตภัณฑ์/บริการที่ตลาดต้องการ
3.เสนอบริการดีกว่าคู่แข่ง
4.ให้รางวัลผู้ที่มีผลงาน
5.สร้างความสำเร็จโดยอาศัยผู้อื่นช่วย


ธุรกิจ MLM ทำให้เรา...
1.เป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้านายตัวเอง
2.มีรายได้ทันที ไม่มีขีดจำกัด และต่อเนื่อง
3.รายได้สูง ไม่ขัดแย้งกับงานประจำ
4.มีอิสรภาพ ช่วยเหลือคนได้
5.อยู่ในสังคมที่คอยช่วยเหลือกัน
6.ใช้เงินทุนน้อย ไม่ต้องอาศัยทำเล
7.ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณื หรือพูดไม่เก่งก็ประสบความสำเร็จได้
8.มีเวลา มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก
9.ได้พัฒนาตนเองตลาดเวลา
10.ทำงาน 1-5 ปี มีรายได้ตลอดชีวิตเป็นมรดกโอนต่อไปสู่ลูกหลานได้ (งานประจำทำไปทั้งชาติ หยุดทำก็ไม่มีรายได้) โดยไม่ต้องทำอะไรเลยไปตลอดชั่วโคตร

ต่อ...

1.ทำงานเพื่อตนเอง
2.ทวีคูณรายได้
3.งานสะดุด รายได้คงที่
4.มีผลตอบแทนจากกำไร
5.มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
6.เลือกการเกษียณได้
7.มีผลกำไรชีวิตจากการเดินทาง
8.เคลื่อนไหวได้เต็มกำลัง
 นอกจากนี้การขายตรงยังมีจุดเด่นไม่ว่าจะมองในแง่ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร หรือจะมองในแง่ขายตรงก็ตาม ทำให้ MLM เป็นทางเลือกที่ทุกคนต้องลองทั้งในปัจจุบันและอนาคต

จุดเด่นในงานขายตรง
มองในแง่ผู้ประกอบการ
1.การลงทุนต่ำและไม่ต้องมีทำเลที่ตั้ง
2.บริหารสินค้าคงคลังไม่เสี่ยง
3.ไม่มีคู่แข่ง ณ จุดขาย
4.ไม่ต้องลงโฆษณา (ไม่ต้องจ้างดาราดังมาโฆษณาปกปิดสินค้าด้อยคุณภาพ แต่ใช้วิธีสาธิตพิสูจน์ให้ผู้บริโภคเห็นคุณภาพกันจะๆ ด้วยตาเนื้อแทนตาถั่ว)
5.ไม่มีปัญหาสงครามราคา
6.เพิ่มรายได้ให้คนทั่วไป
7.ไม่เป็นปัญหาสังคม

มองในแง่นักขายตรง
1.ร่ำรวยด้วยความขยัน
2.รักกับทีมงาน
3.เบ่งบานพวกพ้อง/น้องพี่
4.มีฝีมือก้าวหน้า
5.หาความสำเร็จด้วยตนเอง
6.เก่งและก้าวหน้า
7.สรรหาของดีไว้ให้ลูกค้า

ตัวเลือกของงานที่สามารถตอบโจทย์ชีวิตได้ทุกย่างนั่นก็คือ "ธุรกิจเครือข่ายการตลาดหลายชั้น MLM"
แต่...ธุรกิจเครือข่าย MLM มีมากมาย แล้วค่ายไหนล่ะของแท้ อันนี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณ ต้องศึกษาอย่างมีเหตุผล แน่นอนย่อมมีทั้งค่ายดี และไม่ดี ย่อมมีมารมาแอบแฝงเสมอเหมือบกับทุกๆ วงการนั่นแหละ คำว่าแอบแฝงคือ "ไม่ได้เป็น MLM แท้ แต่เป็นแชร์ลูกโซ่ที่เอาธุรกิจ MLM มาบังหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงข้อกฏหมายหลีกเลี่ยงการจับคุม ตามที่เป็นข่าวอยู่เป็นประจำ เหลือบพวกนี้ทำให้ MLM ที่ถูกต้องแท้จริง ได้รับการเข้าใจผิดจากกลุ่มคนที่ไม่มีสมองเป็นของตัวเอง หรือพวกที่ไม่มีวิจารณญาณความคิดของตัวเอง แต่จะตามกระแส หรือไปได้รับข้อมูลมาผิดๆ โดยไม่ใช้วิจารณาญาณตัวเองไม่ไตร่ตรอง ไม่ค้นคว้าหาข้อมูล แต่บางกลุ่มค้นคว้าหาข้อมูลดันไปเจอข้อมูลผิดๆ เพราะในโลกออนไลน์ย่อมมีทั้งด้านมืด และด้านสว่าง มีทั้งผิดและทั้งที่ถูก เปรียบเสมือกับเวลาคุณค้นหาการใช้ภาษาอังกฤษที่เป็นเนื้อหาออนไลน์อยู่ มีทั้งผิด ทั้งถูก เพราะเค้าไม่ได้บอกว่าให้แพร่เนื้อหาที่ถูกเท่านั้น ไม่ได้มีใครมาพิสูจน์อักษร หรือไม่ใช่มีด้านสว่างอย่างเดียวเท่านั้น มันมีด้านมืด คนที่รู้จริง และไม่จริงก็เอามาเผยแพร่ กลุ่มคนไม่มีวิจารณญาณของตัวเองพวกนี้ดันไปเจอด้านมืดด้านผิดเข้าก็ทำให้มีการเข้าใจผิด ไม่มีการแยกแยะ ทำให้ผู้คนจำนวนมากพลาดโอกาสทองในสิ่งดีๆ ที่เข้ามาในชีวิต"

เปรียบเทียบระหว่าง MLM แท้ๆ กับธุกิจผิดกฏหมาย หรือพวกอีแอบที่เอา MLM มาบังหน้า (อาทิเช่น แชร์ลูกโซ่ หลีกเลี่ยงกฏหมายทำแชร์ลูกโซ่โดยเอา MLM บังหน้า เมื่อโดนจับได้ก็โดนปิดบริษัทไป ผู้คนที่หลงเข้าไปอยู่ก็เกิดความเสียหาย ส่วนเจ้าของก็ร่ำรวย และเมื่อคดีเสร็จสิ้นก็ไปตั้งบริษัทใหม่ สินค้าก็เอาไปเปลี่ยนโฉม เปลี่ยนชื่อ เปลียนสี  เปลี่ยนสรรพคุณใหม่ หลอกลวงกันต่อไป)

กระแสธุรกิจเครือข่าย MLM

ธุรกิจเครือข่าย MLM มาแรงแน่ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะมีการแข่งขันกันสูงมาก
ธุรกิจเครือข่ายเป็นเพียงการตลาดอีกระบบหนึ่งในการกระจายสินค้าจากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคโดยตรง
ไม่ต้องผ่านคนกลาง บริษัทจัดจำหน่าย ร้านค้าส่ง ร้านค้าปลีก ผ่านแค่ตัวแทนจำหน่าย
ดังนั้นผู้แทนจำหน่ายจึงได้รับผลประโยชน์เต็มๆ เนื่องจากเป็นการโฆษณาในลักษณะ "ปากต่อปาก"
ปัจจุบันบริษัทชั้นนำทั่วโลกกำลังหันมานิยมใช้การตลาดเครือข่ายมากขึ้น เพราะประหยัดเงินค่าโฆษณา
โดยดาราดังในแต่ละยุคซึ่งค่าตัวแพงมาก ธุรกิจเครือข่ายไม่ใช่การรับจ้างทำงานหรือเป็นลูกจ้างของบริษัทฯ แต่มันคือธุรกิจของท่านเอง การบริหารงานง่ายอยู่ในมือของท่าน บริษัทให้ความช่วยเหลือด้านสินค้า อำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นการผลิต การพัฒนาสินค้า งานวิจัย การบรรจุหีบห่อ การตลาด
การส่งเสริมการขาย การจัดซื้อ การเก็บสต๊อกสินค้า การจัดส่งสินค้า ระบบข้อมูล ระบบการเงินและการบัญชี การอบรมสัมมนา เป็นต้น จะถือได้ว่าท่านทำธุรกิจมือเปล่า หน้าที่ของท่านคือสื่อสารกับมนุษย์ เป็นนักเล่าเรื่อง เป็นคุณครูที่สอนเก่ง เป็นนักบุญชอบช่วยเหลือคนด้วยความจริงใจ เป็นผู้นำ ถ้าท่านสามารถขยายหาผู้ร่วมทำธุรกิจหรือห้างหุ้นส่วนทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเดือนละคน ให้ทุกคนคิด (คิดบวก) เหมือนท่าน ทำเหมือนท่านเข้าใจเหมือนท่าน ท่านเป็นต้นแบบที่ถูกต้องนั่นแหละ ท่านจะประสบความสำเร็จในธุรกิจนี้ และจะได้รับรายได้อย่างที่คาดไม่ถึง นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำไมธุรกิจเครือข่ายถึงได้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้

การที่เราจะเข้าสัมผัสกับธุรกิจเครือข่ายบริษัทฯ ไหนนั้น ควรพิจารณาให้ดี มิฉะนั้นจะเสียญาติ เสียเพื่อน และจะเสียชื่อเสียงแล้วเราจะพิจารณาจากอะไร นี่คือคำถาม? ทุกคนอยากรวยเร็ว แล้วเสียชื่อหรืออยากรวยช้าๆ แต่ได้เงินถึงลูกถึงหลาน เราจะดูจากอะไร เพชรที่เขาขายในท้องตลาด มีทั้งเพชรแท้และเพชรเทียม แต่ละเม็ดส่องแสงประกาย ระบิบระยับ เหมือนกัน เราจะเลือกเพชรเม็ดไหนดี เพราะเพชรเทียมมูลค่าไม่กี่บาท อาจจะส่งประกายระยิบระยับให้เราหลงเชื่อซื้อไปครอบครอง แต่ถ้าเลือกเพชรแท้มูลค่ามหาศาลอยากจะนำเสนอวิธีการเลือกเพชรแท้และเพชรเทียมดังนี้

แชร์ลูกโซ่
(Pyramid scheme)
ไม่เน้นผลิตภัณฑ์ ไม่สนใจคุณภาพผลิตภัณฑ์ เน้นการตลาด ต้องรักษายอด ต้องกักตุนสินค้า ไม่มีนโยบายคืนสินค้า รูปแบบแผนการตลาดแบบปีระมิด ไบนารี่ (สองขา) คนมาหลังเสียเปรียบคนมาก่อน รายได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถแต่ขึ้นอยู่กับว่าใครมาก่อนมาหลัง คนมาหลังไม่มีโอกาสแซงคนมาก่อน ผู้มาที่หลังจะต้องต่อปลายขาหรือหางแถว หรือปลายสายต่อกันเรื่อยๆ คนมาหลังเป็นฐานปิระมิดให้คนมาก่อนเหยียบ คนมาก่อนไม่ต้องทำอะไร ให้คนมาหลังทำงานแทน อาศัยหลอกลวงกินค่าหัวคิวค่าสมัครกันไปเรื่อยๆ เน้นกินค่าหัวคิว ไม่เน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ไม่มีการวิจัย ไม่เคยได้สิทธิบัตร วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้าไม่ได้ตระเตรียมเอง ต้องซื้อแหล่งอื่นๆมาอีกทอด ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพการผลิตของสินค้า ไม่อยู่ในสมาคมขายตรง สินค้าไม่ได้รับการรับรองจากองค์กรของรัฐ
1.ค่าสมัครเริ่มต้นสูงและใช้เงินลงทุนสูง
2.เน้นการรับสมาชิกใหม่เป็นหลัก
3.ไม่คำนึงถึงคุณภาพสินค้า
4.ไม่มีนโยบายเปลี่ยนและคืนสินค้า
5.เน้นให้กักตุนสินค้าเพื่อขึ้นตำแหน่งให้สูงขึ้น
6.ผลตอบแทนส่วนใหญ่มาจากค่าหัวในการแนะนำสมาชิก
7.เป็นระบบที่ผิดกฎหมายในหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรปฯ



ภาพแสดงแผนการตลาดแชร์ลูกโซ่ (ขายตรง MLM ชนิดหลอกลวงแบบแชร์ลูกโซ่)

มีแต่คนที่โดนหลอกลวงปั่นสมอง ล้างสมองเท่านั้นที่ทำกัน ไม่ค่อยมีคนการศึกษาสูงอยู่เลยมีแต่เจ้าของธุรกิจลูกโซ่หัวสายบนสุดที่เป็นผู้หลอกลวงเท่านั้นอยู่สองสามหน่อ บางคนที่หลงเข้าไปกว่าจะรู้ตัวหนีออกมาแทบไม่ทัน เป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่เอาสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานของรัฐมาบังหน้าแอบอ้างว่าขายตรงเพื่อป้องกันหลบเลี่ยงกฏหมาย เหมือนกับขายตรงแชร์ลูกโซ่ปุ๋ยยี่ห้อหนึ่งที่โดนปิดไปเมื่อปีที่แล้ว เอาปุ๋ยคุณภาพห่วยๆ มาบังหน้า เมื่อโดนจับ โดยสั่งปิดไป เจ้าของรวย แต่ลูกข่ายที่เข้าร่วมเสียหายยับเยิน เจ้าธุรกิจลูกโซ่แบบนี้ใช้เงินที่หลอกลวงมาได้ไปต่อสู้คดีจนหลุดออกมา หลังจากนั้นรวมตัวกันตั้งชื่อบริษัทใหม่ เอาสินค้าเดิมไปทุบ ไปบด ไปใส่สี ไปบรรจุหีบห่อ ตั้งชื่อ อวดอ้างสรรคุณกันใหม่ หลอกลวงกันต่อไป ผลิตภัณฑ์ไม่เคยมีสิทธิบัตรหรือได้รับการรับรอง บริษัทก็ไม่ได้รับการรับรองถูกต้องตามกฏหมายโดยสมาคมขายตรงแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่บ้านเหมือนต้องคอยตรวจสอบ จับคุมปานจับปู้ใส่กระด้ง ธุรกิจสองขาไบนารี่ ปีระมิดแชร์ลูกโซ่แบบนี้ คนมาหลังต้องต่อหางกันไปเรื่อยๆ คนมาหลังเป็นฐานปิระมิดให้คนมาก่อนเหยียบ คนมาก่อนไม่ต้องทำอะไรคอยใช้ข้าทาสคนมาหลังทำงานแทน คนมาทีหลังเมื่อเข้ามาแล้วต้องไปหลอกคนอื่นๆ มาต่อหางตัวเองเพื่อเอาเงินที่จ่ายไปคืน กินหัวคิวกันไปเรื่อยๆ คนมาหลังไม่มีสิทธิ์แซงคนมาก่อน คนมาหลังทำงานเพื่อคนสายบน เน้นกักตุนสินค้า เน้นรักษายอด สินค้าห่วยๆ อวดอ้างสรรพคุณไร้สิทบัตรรับรอง ไม่มีนโยบายคืนสินค้า



ข้อสังเกตในการหลอกลวงของพวกแชร์ลูกโซ่เมื่อหลอกลวงคนอื่นมาต่อหางคือ : จะพูดว่า "มีธุรกิจดีรีบมาทำเลย ตอนนี้ยังใหม่อยู่ รีบมาเป็นต้นสายจะดี ขืนช้าจะทำยาก" นี่ไงคือธุรกิจลูกโซ่ บ่องบอกชัดเลยว่ารายได้ขึ้นอยู่กับคนมาก่อนมาหลัง



ธุรกิจเครือข่าย MLM ของแท้เครือข่ายผู้บริโภคตลาดหลายชั้นสหกรณ์ปันผล
(MLM Network marketing)
เน้นคุณภาพผลิตภัณฑ์เป็นหลัก ควบคุมและรับประกันคุณภาพตั้งแต่เมล็ดพันธุ์จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป มีนักวิจัยจากหน่วยงานของรัฐ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเข้าไปมีส่วนร่วมในการวิจัย พัฒนา ตรวจสอบ ควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ ผลิตวัตถุดิบเองแบบฟาร์มชีวภาพ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพได้ แผนการตลาดยุติธรม รายได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน ใครทำคนนั้นก็ได้ ใครไม่ทำก็ไม่ได้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครมาก่อนหลัง คนมาหลังทำแต่คนมาก่อนไม่ทำ คนมาก่อนก็ไม่ได้ คนมาหลังแซงคนมาก่อน คนมาหลังจะต่อกับต้นสาย กลางสาย ต่อที่ไหนก็ได้ ต่อได้รอบตัว (เมื่อองค์กรโตระดับหนึ่งสายหลุดขาดออกจากกัน ในช่วงที่สายยังไม่หลุดขาดออกจากกัน คนมาหลังไม่ได้เสียประโยชน์อะไรจากคนมาก่อนเลย คนมาก่อนไม่ทำจะไม่ได้ คนมาหลังทำจะได้ ใครทำคนนั้นก็ได้นั่นเองจากความสามารถผลงานของตัวเอง สามารถสร้างขา (สาย) ได้รอบตัว จะกี่ล้านขาก็ได้ ทำไม่ทำกัน (บางคนให้ทำแบบหลายขาดีๆ แบบนี้ไม่เอา แต่ดันกลับไปทำสองขาแชร์หลอกลวงลูกโซ่ซะนี่) ขายตรงของแท้ไม่บังคับแล้วแต่ความพึงพอใจ ซื้อแฟรนด์ไชน์หุ้นส่วนธุรกิจมาด้วยเงินลงทุนแสนต่ำแล้วจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้เรื่องของคุณ ไม่ต้องรักษายอด ไม่ให้กักตุนสินค้าเด็ดขาด มีกฏจรรยาบรรณเคร่งครัด สินค้าทุกตัวรับประกันความพึงพอใจ มีนโยบายคืนสินค้า มีประโยชน์ ประหยัด ประสิทธิภาพ ปลอดภัย รับประกันคุณภาพ ปกป้องสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองจากองค์กรของรัฐทุกชาติทั่วโลก และได้รับการรับรองจดทะเบียนในสมาคมขายตรงถูกต้องตามกฏหมาย มีกฏจรรยาบรรณ
1.ค่าสมัครเริ่มต้นต่ำ
2.เน้นการขายสินค้าและบริการเป็นหลัก
3.เน้นสินค้าคุณภาพสูงและการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
4.รับประกันคุณภาพและความพอใจโดยมีนโยบายแลกเปลี่ยนและคืนสินค้า
5.มีกฎระเบียบที่เข้มงวดในการดำเนินธุรกิจและป้องกันการกักตุนสินค้าของสมาชิก
6.ผลตอบแทนรายได้และตำแหน่งขึ้นอยู่กับการทำงานของสมาชิก
7.เป็นระบบธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย

รูปแสดงแผนการตลาดขายตรง MLM แท้ๆ
เครือข่ายผู้บริโภคตลาดหลายชั้นในรูปแบบเครือข่ายสหกรณ์ปันผล (Amway)


ทำไม MLM จึงเป็นทางเลือกที่ต้องลอง เพราะโอกาสทองของชีวิตการทำงานก็เหมือนๆ กัน นาทีทองของการตัดสินใจซื้อสินค้าที่มีราคาและมีโปรโมชั่นพิเศษฉันใดก็ฉันนั้น ดร.พอล เกตตี้ ได้กล่าวถึงบัญญัติ 5 ประการสู่ความสำเร็จในโลกธุรกิจไว้ ดังนี้ คือ
1.ทำธุรกิจของตนเอง
2.ขายผลิตภัณฑ์/บริการที่ตลาดต้องการ
3.เสนอบริการดีกว่าคู่แข่ง
4.ให้รางวัลผู้ที่มีผลงาน
5.สร้างความสำเร็จโดยอาศัยผู้อื่นช่วย


ธุรกิจ MLM ทำให้เรา...
1.เป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้านายตัวเอง
2.มีรายได้ทันที ไม่มีขีดจำกัด และไม่มีข้อต่อเนื่อง
3.รายได้สูง ไม่ขัดแย้งกับงานประจำ
4.มีอิสรภาพ ช่วยเหลือคนได้
5.อยู่ในสังคมที่คอยช่วยเหลือกัน
6.ใช้เงินทุนน้อย ไม่ต้องอาศัยทำเล
7.ไม่จำเป็นต้องีประสบการณื หรือพูดเก่งก็ประสบความสำเร็จได้
8.มีเวลา มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว
9.ได้พัฒนาตนเองตลาดเวลา
10.ทำงาน 1-5 ปี มีรายได้ตลอดชีวิตเป็นมรดก

เมื่อเปรียบดูแล้ว ถ้าหากมีเส้นทางของชีวิตให้เลือกสองทาง ระหว่างโครงการ 40 ปี (งานประจำทำ 40 ปียังไม่เห็นฝั่ง) กับโครงการ 1-5 ปี (ขายตรงแบบ MLM อย่างแอมเวย์ช้าสุดๆ ไม่เกิน 5 ปีชีวิตเปลี่ยน ขยันมากมีความสามารถมากสามารถสำเร็จได้ภายใน 6 เดือน แม้เมื่อยังไม่สำเร็จแต่ก็มีรายได้หลายหมื่นมากกว่างานประจำ) ซึ่งชี้ให้เห็นว่า MLM น่าลองและน่าลุ้นเป็นไหนๆ (งานประจำทำไป 40 ปียังไม่เห็นฝั่ง  แต่ MLM อย่างช้าไม่เกิน 5 ปี คนมีความสามารถสามารถสำเร็จระดับ PT-Diamond ได้ภายใน 6 เดือน -2  ปี มีให้เห็นมากมาย)

ทางเดินของชีวิต
ทางเลือกที่ 1 (งานประจำฝั่ง E&S)
1.ทำงานให้ผู้อื่น
2.มีขอบเขตจำกัดรายได้
3.งานหยุดชะงัก รายได้ชะงัก
4.ไม่มีผลตอบแทนจากกำไร
5.ไม่มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
6.เกษียณตามอายุงาน
7.เดินทางตามหน้าที่
8.หน้าที่การงานมีขอบเขต

ทางเลือกที่ 2 (MLM อย่างแอมเวย์)
1.ทำงานเพื่อตนเอง
2.ทวีคูณรายได้
3.งานสะดุด รายได้คงที่
4.มีผลตอบแทนจากกำไร
5.มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
6.เลือกการเกษียณได้
7.มีผลกำไรชีวิตจากการเดินทาง
8.เคลื่อนไหวได้เต็มกำลัง

นอกจากนี้การขายตรงยังมีจุดเด่นไม่ว่าจะมองในแง่ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร หรือจะมองในแง่ขายตรงก็ตาม ทำให้ MLM เป็นทางเลือกที่ทุกคนต้องลองทั้งในปัจจุบันและอนาคต

จุดเด่นในงานขายตรง
มองในแง่ผู้ประกอบการ
1.การลงทุนต่ำและไม่ต้องมีทำเลที่ตั้ง
2.บริหารสินค้าคงคลังไม่เสี่ยง
3.ไม่มีคู่แข่ง ณ จุดขาย
4.ไม่ต้องลงโฆษณา
5.ไม่มีปัญหาสงครามราคา
6.เพิ่มรายได้ให้คนทั่วไป
7.ไม่เป็นปัญหาสังคม

มองในแง่นักขายตรง
1.ร่ำรวยด้วยความขยัน
2.รักกับทีมงาน
3.เบ่งบานพวกพ้อง/น้องพี่
4.มีฝีมือก้าวหน้า
5.หาความสำเร็จด้วยตนเอง
6.เก่งและก้าวหน้า
7.สรรหาของดีไว้ให้ลูกค้า

สิ่งที่เป็นจริงของชีวิตทำงาน
เพื่อกำหนดชะตาชีวิตของตนเองแทนที่จะปล่อยให้มันไหลไปเรื่อยๆ
คนเราถูกอบรมบ่มนิสัยให้อุทิศตนให้กับการทำงานหนัก ตราบเท่าที่ยังคงมีเรี่ยวแรงอยู่ ด้วยคำว่า "ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน"

ความคาดหวังของคนทำงาน
ส่วนใหญ่มี 3 ประการคือ
1.ความรู้สึกว่าตนเองเป็นคนมีฝีไม้ลายมือ มีคุณค่า และมีความหมาย
2.การได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ มีโอกาสในการพัฒนาของตนเอง ทั้งความรู้และความชำนาญ
3.การมีโอกาสได้ควบคุมตนเอง เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการประกอบหน้าที่การงาน
"Everybody is in favor of progress It's the change they don't like"
"ทุกคนต่างชอบความก้าวหน้า แต่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง"


การศึกษาติดสินธุรกิจ MLM ว่าของแท้หรือของเทียมให้ดูที่
1.บริษัท (Company) - ความมั่นคง ระยะเวลาการดำรงอยู่ ยอดธุรกิจ ความไว้วางใจจากผู้คนทั่วโลก ประกาศนียบัตรรับรองจากองค์กรต่างๆ ความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม การยึดมั่นในกฏหมาย การบริจาค ช่วยเหลือบริการสังคมของชนชาติมนุษย์ อย่างเช่นการบริจาคช่วยเหลือเด็กกำพร้าผู้ด้อยโอกาส ภัยพิบัติน้ำท่วมเป็นต้น
2.ผลิตภัณฑ์ (Products) - มาตรฐาน รับประกันคุณภาพตั้งแต่เมล็ดพันธ์จนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ประกาศนียบัตรรับรองจากองค์กรต่างๆ ความเอาใจใส่ต่อมนุย์และสิ่งแวดล้อม การวิจัย การเข้ามามีส่วนร่วมวิจัยพัฒนา ตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญทั้งจากองค์กรของรัฐและเอกชน
3.แผนการตลาด (Marketing Plan) รูปแบบลูกโซ่หรือไม่ ยุติธรรมหรือไม่ มีการเสียเปรียบกันระหว่างผู้มาก่อนมาหลังหรือไม่ ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคนหรือไม่ แซงกันได้หรือไม่ มีการอยู่เฉยๆแล้วได้ผลตอบแทนหรือไม่
4.ผู้สำเร็จ (Successful People) - จำนวน อัตรา การกระจาย คนระดับใดที่ทำธุรกิจอยู่ด้วย ด็อกเตอร์ แพทย์ วิศวะ ครู อาจารย์ นักศึกษา กรรมกร คนพิการ หรือมีแต่คนการศึกษาน้อย
5.การยอมให้เข้ามามีส่วนร่วมของผลิตภัณฑ์สินค้าในท้องถิ่น (Local Product Joining)
6.การรับประกันคุณภาพ ประโยชน์ ความประหยัดคุ้มค่า ความพึงพอใจ ประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและด้านการปกป้องสิ่งแวดล้อม
7.การบริจาค ช่วยเหลือสังคมทั่วโลก (Donation for events)
8. อันดับและความยั่งยืนในธุรกิจในตลาดโลก ดำเนินธุรกิจมาห้าปี หรือหกปี
9. ความน่าเชื่อถือ สถานภาพทางการเงิน การกูhยืม ภาระหนี้สิน



การสนับสนุนรับรองธุรกิจ MLM ถูกต้องตามกฏหมายโดยประธานาธิบดีอเมริกันบิลคลินตัน


กรณีศึกษาแอมเวย์ (Amway the Number 1 Bisiness has been Trusted by pople wordwide)

Amway – จุดเริ่มต้นของแอมเวย์





ริช เดอโวส (Rich DeVos) และเจย์ แวน แอนเดล (Jay Van Andel) เริ่มธุรกิจด้วยใช้ระบบการขายตรงแบบแอมเวย์ เมื่อ ค.ศ. 1959 ณ ห้องใต้ดินที่บ้านของเจย์ แวน แอนเดล ที่เมืองเอด้า รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาได้ผลิตผลิตภัณฑ์ของแอมเวย์ชิ้นแรกซึ่งในปัจจุบันเรียกว่า L.O.C. ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอเนกประสงค์ด้วยสูตรย่อยสลายทางชีวภาพ ไม่ก่อให้เกิดปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จทันที พร้อมเปิดโลกแห่งโอกาสให้ผู้คนทั่วไป
นับจากเริ่มต้นธุรกิจแอมเวย์ ในปีแรก ด้วยยอดขายที่สูงถึง 500,000 เหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก บริษัทจึงได้ขยายจากสำนักงานห้องใต้ดินไปที่ที่สะดวกมากกว่า และภายในระยะเวลาไม่กี่ปีบริษัทมีพนักงานมากกว่า 700 คน มีกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะด้านกว่า 200 ชนิด และมีนักธุรกิจแอมเวย์มากกว่า 100,000 คน
ค.ศ. 1963 แอมเวย์ได้จัดทำ “รถโชว์สินค้า” (Showcase Bus) บรรทุกผลิตภัณฑ์ต่างๆ และคู่มือการดำเนินธุรกิจเพื่อตระเวนไปยังเมืองต่างๆ มากมายทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา พร้อมๆ กับการมอบรางวัลและการยกย่องนักธุรกิจแอมเวย์ที่ประสบความสำเร็จ
กลางทศวรรษ 1970 ยอดขายของแอมเวย์เติบโตมากขึ้นถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ผลิตภัณฑ์อาหารลดน้ำหนัก นิวทริไลท์ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายบริษัทแอมเวย์ได้ขยายกิจการออกไปยังต่างประเทศ โดยเปิดตลาดใหม่ใน 8 ประเทศ 3 ทวีป ได้ไปไกลถึงครึ่งโลกทั้งออสเตรเลีย อังกฤษ ฮ่องกง และมาเลเซีย ส่วนที่เมืองเอด้า รัฐมิชิแกน แอมเวย์เติบโตอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทันกับการขยายตัวทางธุรกิจ แหล่งผลิตสินค้าได้ขยายไปไกลหลายร้อยไมล์ จนเป็นเมืองของแอมเวย์ที่มีแหล่งผลิตพลังงานของตัวเอง มีโรงงานบำบัดน้ำเสีย พร้อมรีไซเคิล มีรถรับส่ง และหน่วยดับเพลิง
ทศวรรษที่ 1980 นับเป็นครั้งแรกที่แอมเวย์มียอดขายกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ แอมเวย์จึงได้ขยายสำนักงานใหญ่ ในเมืองเอด้า รัฐมิชิแกน และได้สร้างโรงงานผลิตเครื่องสำอางที่ซึ่งผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรีได้รับการพัฒนาและผลิตขึ้น พร้อมกับบุกเบิกผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ๆ เช่น เครื่องกรองน้ำแอมเวย์ ภายใต้ชื่อสินค้า อีสปริง (eSpring)
นอกจากนี้แอมเวย์ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและได้การยอมรับว่าเป็นผู้นำองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมและเป็นผู้สนับสนุนการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ United Nations Environment Programme Achievement Award ใน ค.ศ. 1989
ในทศวรรษที่ 1990 สตีฟ แวน แอนเดล และดั๊ก เดอโวส ได้รับช่วงต่อจากเจย์และริช ในฐานะประธานกรรมการและประธานบริษัทแอมเวย์ พร้อมกับผู้นำรุ่นใหม่ก็เริ่มเกิดขึ้นในหมู่ครอบครัวนักธุรกิจแอมเวย์และได้สร้างความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจากพ่อแม่ขอตนเช่นกัน
ในทศวรรษที่ 1990 ยอดขายยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึง 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ และในรัฐแคลิฟอร์เนีย การวิจัยของนิวทริไลท์ในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างการลดน้ำหนักและสุขภาพ เป็นที่รู้จักทั่วโลกในชื่อของศูนย์สุขภาพเรห์นบอกร์ก (Rehnborg Center of Nutrition and Wellness) และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็นสถาบันสุขภาพนิวทรีไลท์ (Nutrilite Health Institue)
เกือบ 50 ปีหลังจากที่แอมเวย์ได้เริ่มต้นขึ้น ครอบครัวเดอโวส และแวน แอนเดล ได้สร้างโครงสร้างใหม่ขององค์กรเพื่อไปให้ถึงความท้ามายแห่งศตวรรษใหม่ โดยบริษัทแม่ อัลติคอร์ อิงค์ (Alticor Inc.) ได้รับการก่อตั้งขึ้นเพื่อรองรับ แอมเวย์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทขายตรงด้วยระบบการตลาดหลายชั้น (Multi-Level Marketing, MLM) ควิกสตาร์ อิงค์ (Quixtar Inc.) ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ในอเมริกาเหนือ และแอ็คเชส บิสเนส กรุ๊ป แอลแอลซี (Access Business Group LLC) ดำเนินการผลิตและส่งสินค้าคุณภาพให้กับบริษัทสาขาของอัลติคอร์และบริษัทอื่นๆ ทั่วโลก ซึ่งบริหารงานรวมโดยสตีฟ แวน แอนเดล (ประธานกรรมการ) และดั๊ก เดอโวส (ประธานบริษัท) ซึ่งรับตำแหน่งต่อจากพี่ชาย ดิ๊ก เดอโวส และในทุกวันนี้ในแต่ละประเภทของธุรกิจ รวมถึงแอมเวย์ต่างมีอิสระในการสร้างความแข็งแกร่งของตัวเอง
สำนักงานใหญ่แอมเวย์ ตั้งอยู่ที่เมืองเอด้า รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเนื้อที่ถึง 200,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน ศูนย์วิจัยค้นคว้าและพัฒนา โรงงานผลิตและคลังสินค้า มีนักวิทยาศาสตร์ผู้ทำการวิจัยและพัฒนาไปจนถึงเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรวมกว่า 500

ข้อมูลละเอียดกว่านี้พร้อมรูปภาพเข้าไปที่  https://www.amwayshopping.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น